วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ย่อโลกทั้งใบ เก็บไว้ในความทรงจำ


โทบุ เวิลด์สแควร์ (นิกโก้/ญี่ปุ่น)

 
เวลาคุณไปเที่ยว คุณเก็บรายละเอียดด้วยอะไร?
ส่วนใหญ่คำตอบคงไม่พ้นภาพถ่าย เพราะง่ายและค่อนข้างแม่นยำที่สุด
ภาพย้อนมาดูเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาหาและเปิดนิดหน่อย ก็เหมือนกับฮาร์ดิสก์
ขณะที่เมมโมรี อีกชนิดที่ไม่ควรมองข้ามคือ
“ความทรงจำ” ของเราเอง ซึ่งก็เหมือนกับ Ram ซึ่งอาจจะจุได้ไม่เยอะเท่าฮาร์ดิสก์
แต่เราสามารถเรียกภาพประทับใจเหล่านั้นขึ้นมาได้ทันที ตลอดเวลาที่นึกถึง

 
ใครเคยไปเที่ยวเมืองจำลองบ้าง ?
จำได้ไหมว่ารู้สึกอย่างไร
ส่วนใหญ่คงทึ่งกับโมเดลที่เห็น และชื่นชมในความพยายาม
แม้สถานที่นั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนส่วนใหญ่
แต่ขณะเดียวกันก็เป็นที่ทำงานของคนอีกกลุ่มหนึ่ง
คนประเภทที่ใส่ใจรายละเอียด
ยิ่งมีรายละเอียดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งท้าทาย
 
 


เคยได้ยินชื่อโทบุ เวิลด์สแควร์ แห่งเมืองนิกโก้ ประเทศญี่ปุ่นมานาน
แต่กว่าจะได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมก็ต้องรอจังหวะเหมาะๆอยู่หลายปี
พอได้เข้าไปแล้วบอกได้คำเดียวว่าไม่เสียดายค่าเข้าชมเลย
เพราะความละเอียดของแต่ละโมเดลที่จัดแสดงนั้น เรียกได้ว่าเหมือนมาก..ถึงมากที่สุด
ที่โทบุ เวิลด์ สแควร์นี้ รวมสถานที่สำคัญของโลกมาเกือบครบ
ทั้งโซนทวีปอเมริกา ยุโรป แอฟริกา เอเชีย
ขนาดโมเดลสนามบินนาริตะ ยังมีทั้ง เครื่องบิน และรถขนสินค้าวิ่งกันขวักไขว่
เห็นปราสาท ราชวังทั่วโลก
เห็นตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ที่เหลือเพียงตำนาน
เห็นสถานที่สำคัญบางแห่งที่ถูกทำลายเพราะความขัดแย้งด้วยความสะท้อนใจ
มนุษย์บางกลุ่มเกิดมาสร้าง แต่ก็มีมนุษย์อีกกลุ่มมาทำลาย
 

สำหรับคนที่สนใจไปชมโทบุ เวิลด์ สแควร์แห่งนี้
แนะนำให้ไปตอนเช้า (เปิดตั้งแต่ 09.00) จะได้ไม่ร้อนและคนไม่มาก
จะได้ใช้เวลาชื่นชมรายละเอียดอย่างเต็มที่
 
เมื่อเราชอบสิ่งไหนก็อย่าลืมเก็บไว้ใน “ความทรงจำ” กันบ้าง
เพราะถ้าเอาเก็บไว้แต่ในกล้องบางครั้งก็นึกไม่ออกว่าเคยถ่ายภาพนั้น

 
สิ่งที่สำคัญอย่าลืมถนอม Ram ของเรา เพราะมีจำกัด
ส่วนควรจะเก็บอะไรไว้บ้างนั้น
มีแต่คุณคนเดียวเท่านั้นที่รู้...


กินอยู่แบบบ้านบ้าน โฮมสเตย์ริมธาร


อุ่นไอมาง ณ สะปัน (น่าน/ไทย)

 
เคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าการเที่ยวและพัก “โฮมสเตย์” นั้นจะดียังไง
เพราะหลายสิ่งไม่สะดวกสบายเหมือนโรงแรม
ตั้งแต่ห้องน้ำ ที่นอน และสิ่งอำนวจความสะดวกอื่นๆ
บางแห่งถึงขั้นไม่มีโทรทัศน์กันเลย
เมื่อไม่มีของที่คุ้นเคย เราก็ต้องดูว่าคนพื้นที่เขาอยู่กันอย่างไร
มีความสุขจากอะไร..

 
เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีบ้านติดลำน้ำว้า
การเข้าพักที่นี่ ฟังเสียงธารน้ำไหลกระทบโขดหินอยู่ใกล้ๆ
จึงเป็นความตื่นใจแปลกตาอีกแบบ
และเป็นเหตุผลส่วนใหญ่ของแขกผู้มาเยือนที่นี่
“อุ่นไอมาง ณ สะปัน“
อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน
 
เราพักอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศขุนเขาและลำธาร
ตัดความวุ่นวายและความกังวลไปชั่วคราว

 
ขณะที่อากาศในเมืองหลวงช่วงต้นเดือนมีนาคมร้อนอบอ้าว
แต่ที่ “อุ่นไอมาง” อยู่ในหุบเขาและมีต้นไม้ให้ความร่มเย็น
ตอนกลางคืนถึงขั้นหนาวเย็น อุณหภูมิสิบกว่าองศาเซลเซียล
ใครที่งัวเงียตื่นขึ้นมากลางดีกคงต้องตั้งสติว่าตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่
 
ที่พักแห่งนี้ทำอาหารเย็นและอาหารเช้าให้
เพราะอยู่ห่างจากเมืองพอสมควร
แม้อาหารการกินจะไม่เลิศหรู กินแค่พอได้อิ่มหนึ่งมื้อ
อาหารพื้นๆอย่างข้าวต้มมัด แกงจืด ขนมปัง ไข่ดาว
พอผสมผสานกับบรรยากาศแล้วทำให้
อร่อยแบบบ้านบ้าน
 

การแบ่งปันพื้นที่มาทำที่พัก
ก็เหมือนกับแบ่งปันประสบการณ์และความสุข
ถือเป็นความเอื้อเฟื้อของเจ้าบ้าน
ด้วยใจที่โอบอ้อมอารี การต้อนรับเป็นกันเอง
เมื่อยิ่งให้ ก็ยิ่งได้
เพราะผู้คนที่มาแล้ว บอกต่อจนมีชื่อเสียง
ทำให้ห้องพักที่นี่เต็มแทบทุกคืน
ยิ่งช่วงเทศกาลวันหยุดยาวต้องจองล่วงหน้าหลายเดือน
 
ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมหรือรีสอร์ท แต่เป็นบ้าน
บ้านที่แบ่งปันความอบอุ่น
เป็นความสุขของผู้ให้และผู้รับ
เพิ่งเข้าใจคำว่าโฮมสเตย์ลึกๆ ก็วันนี้..





บ่อเกลือสินเธาว์ที่มีอายุหลายร้อยปีที่ว่ากันว่ามีแห่งเดียวในโลก
กรรมวิธีต้มเกลือ







หมื่นพันรอยเท้าบนผืนทราย


Tottori Sand Dunes (ต๊อตโตริ/ญี่ปุ่น)
รู้สึกดีดี ที่เดินย่ำไปด้วยกัน

 
เคยเหงาบ้างไหม?
คำถามที่ไม่ค่อยคุ้นในยุค 4.0
เพราะชีวิตวุ่นวายอยู่กับหลายสิ่งตลอดเวลา เข้ามาและออกไปไม่ขาดสาย
ต่างก้มหน้าก้มตาดูจอสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ถือไว้
เป็นเรื่องแปลกที่แม้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่
แต่ดูคล้ายว่าแต่ละคนนั้นอยู่คนเดียว
ในโลกส่วนตัว เพลิดเพลินจนลืมความเหงา
 
แต่ถ้าวันหนึ่ง คุณไปติดเกาะร้าง
เหมือนในภาพยนตร์เรื่อง Cast Away
เหลียวหาไม่เห็นคนรอบข้างแม้สักคนเดียว
ความสวยงามของสถานที่ไม่มีประโยชน์
หลังจากหายตื่นตระหนก ก็คงมองหาสิ่งจำเป็นเพื่อการอยู่รอดเหมือน Tom Hank ตัวเอกของเรื่อง
เมื่อปรับตัวใช้ชีวิตบนเกาะได้ สิ่งที่ตามมาคือใช้ลูกวอลเลย์บอลเป็นเพื่อน
ก็เพราะความเหงานั่นเอง

 
เนินทรายต็อตโตริ (Tottori Sand Dunes) เป็นเนินทรายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
มีขนาดความกว้างประมาณ 2 กิโลเมตร เนินทรายสูง 50 เมตร
ตั้งอยู่เลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ในเขตของอุทยานแห่งชาติซานินไคกัน(Sanin Kaigan National Park)
ทรายแถบแม่น้ำเซนไดกาวะ(Sendaigawa River) ที่ถูกชะล้างออกไปสู่ทะเล
แต่กระแสน้ำก็พัดพาทรายไปตามแนวชายฝั่งอยู่ตลอดเวลา
ทำให้เนินทรายมีภูมิทัศน์เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
กิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว คือ ขี่อูฐ นั่งเกวียนที่ลากด้วยม้า เล่นกระดานทราย
ใกล้กันมี พิพิธภัณฑ์ศิลปะทราย”
จัดแสดงประติมากรรมทรายขนาดใหญ่สร้างโดยศิลปินจากทั่วโลก
และจะสลับสับเปลี่ยนไปทุกๆปี
ซึ่งในปีนี้ตรงกับธีม “อเมริกา”
ผลงานบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของอเมริกา
ตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งประเทศ การเมือง กีฬา ดนตรี ความเป็นไปในแต่ละยุคสมัย
เพราะทรายมีข้อดีเช่นเดียวกับน้ำคือ ไร้รูปทรง แต่ขนะเดียวกันก็เป็นได้ทุกรูปทรง
ศิลปินจึงสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้เสมือนจริง
 

เมื่อ Tom Hank ต้องตัดสินใจเลือกระหว่าง อยู่คนเดียวไปตลอดบนเกาะ กับ เสี่ยงชีวิตออกทะเลเพื่อหาทางกลับบ้าน
เขาเลือกกลับบ้าน
กลับไปหาผู้คน คนที่รัก เพื่อน สังคม
เพราะโลกที่มีแต่ความเหงาคงเปล่าประโยชน์ที่จะมีชีวิต
..วันนี้คุณมองเห็น “คน” ที่อยู่ข้างๆ บ้างหรือยัง


สงบนิ่ง อยู่กับผืนนา สายลม และแสงแดด


ป่าบงเปียง (เชียงใหม่/ไทย)

 
ท้องนาขั้นบันไดเขียวขจี มีฉากหลังเป็นเทือกเขามองไปไกลสุดขอบฟ้า
บรรยากาศสงบนิ่ง มีเพียงสายลมโชยพัด
ทุกสิ่งเหมือนจะหยุดหรือแอบเคลื่อนตัวอย่างช้าๆไม่ให้เราสังเกตุเห็น
ที่นี่เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
ใครที่เผลอหลับแล้วตื่นมาพบบรรยากาศแบบนี้
คงคิดว่าตัวเองฝันไป เพราะภาพแบบนี้ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ
 
“ป่าบงเปียง” อยู่ที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปประมาณ 2 ชั่วโมง
ไปทางเดียวกับดอยอินทนนท์ แต่แยกไปทางน้ำตกแม่ปาน
ป่าบงเปียง เป็นพื้นที่ทำนาขั้นบันได และมีมุมของหุบเขาซับซ้อน
ช่วยเนรมิตให้พื้นที่นี้มีเป็นภาพประทับใจ ที่หลายคนต้องการไปเห็นสักครั้งในชีวิต
แม้ทางเข้าจะทุรกันดารถึงขึ้นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเข้าไปเท่านั้น
แต่หลายคนที่เข้าไปแล้วบอกเป็นเสียงเดียวว่า “คุ้มค่า”

 
ปกตินักท่องเที่ยวจะมาแบบไปกลับ จะเน้นมาเก็บแสงในยามเย็น
แต่ก็มีหลายคนเช่าบ้านพักของชาวบ้าน เพื่อเก็บบรรยากาศดิบๆตามธรรมชาติ
ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา (แทบ)ไม่มีคลื่นโทรศัพท์
แลกได้มาซึ่ง “ความสงบ”
“ความสงบ” นั้นเองทำให้เราได้คิด ได้เห็นสิ่งที่ละเลยไป
ถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งจำเป็นและสำคัญที่สุดกับใครสักคน
อาจได้คำตอบเป็น โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ทีวี กล้อง หรือสิ่งต่างๆรอบตัว
แต่น่าแปลกใจที่เขาไม่เห็นความสำคัญของร่างกาย สุขภาพของตัวเอง
หลายคนจะคิดได้ยามเจ็บป่วย
เพราะแม้มีเงิน มีเวลา แค่ไหน แต่ถ้าสุขภาพไม่ดีก็แทบไม่มีประโยชน์

 
การชาร์จพลังงานให้กับตัวเองด้วยการ.
พักจิตใจที่วุ่นวายแล้วปล่อยวางเรื่องที่อยู่ในใจ
แม้เพียงเวลาน้อยนิดแต่กลับได้ผลดีเกินคาด
เมื่อได้พักก็จะพร้อมกลับมาใช้ชีวิตประจำวันอีกครั้ง




Note: การเดินทางมาที่บ้านป่าบงเปียง จากเส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์ขับไปถึงด่านของอุทยานฯ เลี้ยวซ้ายไปยังทางแยกที่จะไปอำเภอแม่แจ่ม ไปอีก 12 กิโลเมตร เลี้ยวขวาลงไปตามป้ายน้ำตกแม่ปาน จอดรถไว้ที่จุดจอดรถ จากนั้นต้องใช้บริการรถขับเคลื่อนสี่ล้อ เนื่องจากสภาพถนนแคบ ขรุขระ และเป็นดินแดงแบบออฟโรดในบางช่วง ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 15-20 นาที  สามารถติดต่อที่จุดจอดรถ ราคาไปกลับเที่ยวละ 700 บาท

วิวของป่าบงเปียง มี 3 แบบ คือ ช่วง ก.ค.-ส.ค. ต้นข้าวยังเป็นต้นกล้าเล็กทำให้สามารถมองเห็นพื้นน้ำของท้องนา
ช่วง ก.ย.-ต.ค. ข้าวเขียวขจีเต็มท้องทุ่ง และ ช่วงปลาย ต.ค.จะเห็นสีทองของรวงข้าว

จากของเล่น สู่ของสะสม


สุขที่ตา อิ่มที่ใจ
พิพิธภัณฑ์ของเล่น คิตาฮาระ (คาวากูจิโกะ/ญี่ปุ่น)


 

ในชีวิตทุกคนจะมีกล่องหนึ่งใบ
กล่องที่ว่านี้มีไว้เก็บ “ความทรงจำ”
เป็นที่เก็บเรื่องราวต่างๆในชีวิต
บางคนเก็บสิ่งของที่แฝงความทรงจำ
ที่สร้างรอยยิ้มและความสุข
ของที่เป็นเหมือนเพื่อนเก่าที่เคยสนิทสนม
แต่ผ่านคืนวันสีก็จางลงไปแต่ละวันจนห่างหายไป
ของนั้นคือ “ของเล่น”
 
คนส่วนใหญ่เมื่อเติบโตขึ้นจะเก็บ “ของเล่น” ไว้ในกล่อง
ปิดเอาไว้รอวันมาเปิดดู ชื่นชมสักพัก แล้วปิดต่อไป
คล้ายกับเก็บไว้ในกล่องความทรงจำ ที่มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่มองเห็น
แต่ก็มีบางคนเลือกที่จะนำความทรงจำของตัวเองมาแบ่งปัน
 
พิพิธภัณฑ์ของเล่น คิตาฮาระ (Kawaguchi Kitahara Museum)
ตั้งอยู่ริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ
จัดแสดงของเล่นมากกว่า 4,000 ชิ้น อายุกว่า 40 ปี
ภายใต้คอนเซปต์ "แฮปปี้เดย์"  คือเมื่อเห็นแล้วมีความสุข
ของเล่นสังกะสีเป็นงานฝีมือของช่างญี่ปุ่น ก็ถูกทำขึ้นอย่างประณีต
สอดแทรกความคิดสร้างสรรค์ เป็นโมเดลต่างๆ เช่น รถ เครื่องบิน และคาแรคเตอร์แปลกๆ
มีห้องตุ๊กตาตัวโปรดของเด็กผู้หญิง และสัตว์ประหลาดหน้าตาตลกจากสมัยโชวะในห้องของเล่นของเด็กผู้ชาย
ห้องจัดแสดงแฟชั่นและการแต่งกายของคนในแต่ละยุคสมัย
ห้องเก็บแผ่นเสียง และซีดี หายาก
ผู้ที่เข้าชมจะหวนคิดถึงวันเวลาที่ผ่านไป
ยิ่งเนิ่นนานวันเท่าใด ของชิ้นนั้นก็มีค่าทางใจสูงขึ้นตาม
จุดที่น่าสนใจอีกจุดคือ ภาพวาดสลับซับซ้อนที่รวมเรื่องราวต่างๆมากมายในญี่ปุ่น
บริเวณบันไดทางขึ้น เป็นผลงานของจิตรกรชื่อดังชาวญี่ปุ่น โนบุมาสะ ทาคาฮาชิ
เป็นการวาดลายเส้นสีดำลงไปสดๆบนผนังสีขาว
 
ในวันที่กลับมาเปิดกล่องความทรงจำ
เรามักจะพบว่าของในกล่องยังอยู่ดี
เพียงตัวเรานั้นเองที่เปลี่ยนไป
เพราะโตขึ้น มีมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น
ของเล่นจึงแปรสภาพกลายเป็นของสะสม
ที่ไม่ต้องเอามาเล่นเหมือนก่อน
แต่เพียงแค่สัมผัส หรือ ได้มองก็สุขใจแล้ว



Kawaguchiko Kitahara Museum Toys & Nostalgic Item "Happy Days"
*ในทีวี-คุณคิตาฮาระ ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ มีชื่อเสียงจากของเล่นหายากที่จัดแสดง
An intricate graffiti by artist Nobumasa TAKAHASHI

ธรรมชาติยิ่งใหญ่เสมอ


น้ำตกเคงอน น้ำตกทรงพลัง (นิกโก้/ญี่ปุ่น)
 

เมื่อเปลือกโลกขยับ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา
คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ 
ยิ่งถ้ามีการระเบิดของภูเขาไฟ ลาวาที่ไหลออกมาจะสร้างภูมิทัศน์ใหม่
ก่อให้เกิดเป็นทะเลสาบและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
อ่างเก็บน้ำที่ว่านี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1.3 ก.ม.
ลองจินตนาการภาพความสูงระดับเดียวกับภูกระดึง ที่มีทะเลสาบใหญ่
เส้นรอบวงกว้าง 25 ก.ม. มีจุดลึกที่สุด 1.60 ก.ม.
ที่นั่นคือ “ทะเลสาบซูเซ็นจิ” (Lake Chuzenji) ภายในสวนสาธารณะแห่งชาตินิกโก
ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกหลายสาย
เป็นเส้นทางเดียวกับการรั่วไหลผ่านรอยแตกของลาวา
รวมถึง “น้ำตกเคงอน” ที่ติดอับดับ 1 ใน 3 ของน้ำตกที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น

 
น้ำตกเคงอน(Kegon Waterfall) มีความสูง 97 เมตร
ความเด่นอยู่ที่ความแรงของสายน้ำ ที่ตกลงมาตรงๆ ในแนวดิ่งเกือบ 100 เมตร
จึงถูกขนานนามว่าเป็น “น้ำตกทรงพลัง”
นักท่องเที่ยวจึงต้องลงลิฟท์ไปอีก 100 เมตร เพื่อไปยังจุดต่ำสุด เข้าใกล้ที่สุด
เพื่อรับรู้ความรุนแรงของสายน้ำ
แต่เมื่ออยู่ในช่วงฤดูหนาว น้ำตกก็จะแข็งตัว เป็นภาพที่ดูแปลกตาไปอีกแบบ
เหมือนมีใครมาเป่าเวทย์มนต์หยุดสายน้ำที่รุนแรงนี้

 
การชม “น้ำตกเคงอน” ในมุมสูงเป็นอีกทางเลือกที่ไม่ควรพลาด
ด้วยการขึ้นกระเช้าไปที่จุดชมวิว บนที่ราบสูงอะเคจิไดระ
จากสถานี  Akechidaira Plateau 
เมื่อมองน้ำตกจากระยะไกล แถมด้วยทิวทัศน์ของเมืองนิกโก แบบ 360 องศา
มองออกไปสุดสายตาจะเห็นภูเขา ทะเล ท้องฟ้า จะได้รับรู้ถึงความอลังการของโลก
เป็นความยิ่งใหญ่ที่ไร้พรมแดน  และไม่มีใครครอบครองได้
 
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆและมีอายุสั้นเพียงเสี้ยวเวลาเมื่อเทียบกับธรรมชาติ
แต่บางครั้งเรามักหลงลืมคิดว่าเป็นเจ้าของสิ่งนั้น สิ่งนี้ ที่นำไปสู่การยืดติด
ลองปล่อยวางอะไรๆลงบ้าง แล้วหาเวลาเพื่อเข้าถึงธรรม(ชาติ) กันบ้างนะครับ